ทำความรู้จักขมองตลอด 3 ซีก สมองของมนุช ประกอบด้วยน้ำหนักคาดคะเน 1.4 กิโล บรรทุกสิงสู่ในกะโหลกศีรษะ เพื่อที่จะปกป้องสมองเปล่าปันออกได้มางานกระทบกระเทือน ขมองประกอบด้วยเซลล์ประสาท อัตราร้อยละ 90 สิ่งของเซลล์เส้นประสาทหมดด้วยกันในร่างกาย เพราะเป็นเซลล์ประสาทประสานงานเป็นส่วนใหญ่ แบ่งออกดำรงฐานะ 3 ส่วน ดังนี้ ซีกแห่ง 1 ขมองส่วนหน้า (forebrain หรือไม่ก็ เสียหลักเร่งรีบรัม) ลงความว่า สมองด้านที่อาศัยเหนือสุดกับประกอบด้วยขนาดใหญ่สุดขอบ ซึ่งประกอบด้วยความหนักเบาร่วมชุมนุมคาดคะเนเปอร์เซ็นต์ 85 สรรพสิ่งความหนักเบาสมองทั้งผอง ปฏิบัติหน้าที่ 1. จำกัดอุณหภูมิสิ่งของร่างกาย งานดิ้นของหัวใจ ความดันเลือดด้วยกันความมุ่งมาดรากฐานสรรพสิ่งร่างกาย เป็นต้นว่า ธาร ของกิน การพักผ่อนหย่อนใจ ด้วยกันงานสร้างฮอร์โมนต่างๆ 2. สมองส่วนหน้าแบ่งครอบครอง 2 ซีกโดยสมองเทอะทะครึ่งหนึ่งพามจักควบคุม ร่างกายอรรธทักษิณขมองโย่งอรรธทักษิณจะควบคุมสกนธ์ซีกข้างซ้าย 3. ควบคุมเกี่ยวพันหัวคิด ความทรงจำ ภูมิปัญญา ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวการศึกษาเล่าเรียน ความสามารถปะปนกัน ดำรงฐานะศูนย์งานสรรพสิ่งกล้ามเนื้อ งานพูด การเห็น การสูด การลิ้มรสชาติ ซีกสถานที่ 2 สมองส่วนกลาง (midbrain ไม่ก็ mesencephalon) ครอบครองขมองแห่งประกบขนมจากสมองส่วนหน้า ครอบครองหน่วยงานรับสารภาพส่งประสาท ระหว่างสมองข้างหน้ากับด้านหาง ทำงานควบคุมความเคลื่อนไหวของนัยน์ตา ทำเอาดวงตากลอกไปๆ มาๆ จำกัดการปิดเปิดสิ่งของ รูม่านตา ปันออกสมควรกับดักจำนวนรวมแสงสว่างที่เข้าแตะ โดยแม้ประกายเต็มแรง รูม่านตาจะกระจิดริดแสงสว่างโกร๋งเกร๋งรูม่านตาจักขยาย ซีกที่ 3 สมองด้านหาง (hindbrain หรือไม่ก็ rhombencephalon) สิงสู่ชิดกับสมองศูนย์กลาง ปฏิบัติหน้าที่ 1. จำกัดธุรกิจบางอย่างของกาย เช่น การเคี้ยวของกิน การไหลน้ำลาย ความเคลื่อนไหวสรรพสิ่งกล้ามเนื้อดินแดนเค้าหน้า การหายใจ งานตรวจฟัง 2. เป็นจุดรวมการควบดูแลงานนอกเหนืออำนาจจิตใจ เป็นต้นว่า กระไอกระแอม จาม สะอึก หายใจ งานเต้นสิ่งของหัวใจ เป็นต้น 3. ควบคุมระบบกล้ามจ่ายสัมพันธ์กันและควบคุมการเลี้ยงตัวของกาย เพิ่มพูนขมอง 3 ซีกมอบลูกบางตาหัวไวรอบด้าน เจริญขมอง 3 ส่วนเช่นกันอาหาร 1. คาร์โบไฮเดรต ขมองหวังแป้งที่ร่างกายผิวสองสีกลููงัวสเพื่อที่จะดำรงฐานะแหล่งพลังงานสำคัญ ควรคัดเลือกกินคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายแห่งเปล่าขัดสี เพราะงานหม่ำคาร์โบไฮเดรตและผิวสองสีบ่อยเกินมีผลกระทบปันออกสมองอ้อยอิ่ง 2. โปรตีน ปฏิบัติหน้าที่ช่วยครอบครองสารตัวนำระหว่างเซลล์กับเซลล์ ควรจะคัดเลือกรับประทานเนื้อสัตว์อย่างเปล่าใกล้มัน และที่เอ็ดสัปดาห์ควรจะกินมัจฉะธารลึกอย่างน้อย 2-3 คราว เนื่องจากมีสารโอเมกา-3 ซึ่งดำรงฐานะสารทรงไว้สมองที่ประธาน 3. ไข มีความสำคัญแห่งงานก่อสร้างเนื้อเยื่อห่อเซลล์ประสาทกับเยื่อบุวรรณะสรรพสิ่งเยื่อขมอง หม่ำเฉพาะไขไม่ก็น้ำมันรถแห่งประกอบด้วยไขไม่อิ่มตัวสูง อาทิเช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันฟ้อนข้าว และควรหลีกเลี่ยงงานหม่ำไขอิ่มตัว เป็นต้นว่า ไขคน กะทิ เป็นอาทิ 4. โคลีน ดำรงฐานะสารอาหารประธานที่เอาใจช่วยทรงไว้สมอง ประกอบด้วยอยู่ที่ของกินชนิดข้าวซ้อมมือ ข้าวโพด ซึ่งมีมากที่ซีกสถานที่ดำรงฐานะนัตถุ์ข้าวโพด 5. กรดโฟลิก ขาดไม่ได้ทาบระบบรับรู้จิตใจความรู้สึกที่ขมอง พานพบมากที่กล้วย สีส้ม ลูกมะนาว สตรอเบอร์รี แคนตาลูป พืชผักใบเขียว ถั่วแระ ถั่วยี่สง หรือไม่ก็ถั่วลันเตา กับดำรงฐานะกรดแห่งสำคัญเต็มแรงเหตุด้วยสุภาพสตรีท้อง เอาใจช่วยที่การสื่อสารจิตใจกับหัวใจจากชนนีจรสู่ลูก ปฏิรูปสมอง 3 ด้านอีกด้วยกิจกรรมดี ๆ ครั้นลูกเข้าสู่ช่วงวัย 1-3 ชันษา มาตุรงค์จะเริ่มเหลือบเห็นต่อจากนั้นดุลูกประกอบด้วยพัฒนาการมุขด้านความคิด ความรู้สึก กับความประพฤติแห่งค่อนข้างบาดตาขึ้น โน่นครอบครองเพราะว่าเซลล์ขมองด้านนี้เจริญขึ้นยิ่งนัก บริบูรณ์ผิได้มาการหนุนกับส่งเสริมอย่างพอเพียงจักสนับสนุนมอบขมองปรับปรุง ครบถ้วนจำได้เติบโต พ่อมาตุรงค์ชักชวนลูกมาทำกิจกรรมเจริญขมองกันคะ 1. มากหลายตะกาย การเล่นตะเกียกตะกาย ได้ผลฝึกกล้ามเนื้อต่าง ๆ ไม่ว่าจักได้ผล ตะกายเครื่องเล่นแตกต่าง ๆ แห่งสนามเด็กเล่น งานชวนเด็กวิ่งเล่นไล่จับกลางแจ้ง เป็นต้น กิจกรรมมากหลายตะกายจะช่วยปรับปรุงสมองส่วนที่จำกัดกล้ามเนื้อเทอะทะ การเลี้ยงตัว วิ่ง ถลา เดินสลับเท้าตะเกียกตะกาย 2. เรียงร้อย บีบคั้นปั้น บิดรแม่ชักชวนเด็กปั้นปฐพีน้ำมันรถ ระบายสี ที่ริม ร้อยปัด โจ้หุ่นจำลองมือหุ่นนิ้วร่วมกัน เพื่อเจริญสมอง ด้านที่จำกัดกล้ามมัดเล็กมากปันออกแข็งแรง และทำงานร่วมกันก้าวหน้า เป็นเหตุให้ใช้หัตถ์ได้มาคล่องเจริญ 3. กระต่ายขาโดดเดี่ยว คุณพ่อมาตุเรศชักชวนลูกวิ่งไล่จับเป็นกระต่ายขูดมะพร้าวคะผู้เดียว กิจกรรมนี้จะปฏิรูปขมอง ส่วนควบคุมกล้ามเนื้อกระจิดริด กล้ามเนื้อใหญ่ แห่งเคลื่อนไหวร่วมมือรวมหมดใช้มือขับไล่จับกุมกับขากระโจน 4. จ๊อกกิ้งวิ่งเหยาะ ๆ พ่อแม่ชักชวนลูกวิ่งบริหารร่างกายจรวิ่งเหยาะ ๆ จากไปรอบ ๆ สวนสาธารณะ หรือจากไปอีกทั้งสถานที่แห่งมีธรรมชาติสวยหรู เพื่อปรับปรุงกล้าม พร้อมด้วยการศึกษาเล่าเรียนบริเวณแวดล้อมรอบกาย 5. เต้นระบำโยกย้ายโยกก้น พ่อมาตุเรศชักชวนเด็กเต้นระบำโยกย้ายโยกก้นปันออกเข้ากับจังหวะลีลาดุริยางค เพราะอาจจ่ายลูกคว้าฝึกคิดดูท่าทางขึ้นเอง หลังจากนั้นจ่ายพ่อมาตุรงค์ดิ้นติดตาม แล้วเปลี่ยนไตร่ตรองท่าทาง ปันออกคุณพ่อคิดดูบุคลิก แม่ทบทวนดูท่าทาง สลับกักคุมจากไป กิจกรรมตรงนี้จักปรับปรุงซีกสถานที่ควบคุมกล้ามเล็กมากใหญ่ปันออกลูกรู้จักมักคุ้นทรงตัว ลอก ทบทวนดูสร้างสรรค์คว้าอย่างยอดเยี่ยม 6. เก้าอี้ดนตรี คุณพ่อมาตุรงค์ชวนลูกกับเพื่อน ๆ ไม่ก็บิดามารดาจักโจ้ร่วมกันกับลูก ๆ ก็สูงสุดดี โดยชิงห้ามนั่งแคร่มอบคว้าพอเสียงเพลงจอด แล้วจับม้านั่งออกจากไปทีละร่างกายกระเป๋าแห้งเหลือหลอผู้ชนะ เพื่อที่จะช่วยปรับปรุงกล้ามกระจิดริดเทอะทะไหวติง การเลี้ยงตัว #ลองฌาน การฟังเสียง 7. เล่านิทานฮาเฮโล กิจกรรมเล่านิทานชักชวนเด็กผลัดกันเล่านิทานสถานที่แต่งขึ้นไปเอง จ่ายเด็กไตร่ตรอง ด้วยกันเล่ามอบพ่อแม่ตรวจฟัง หรือเล่านิทาน แล้วบุรพาจารย์ทับถมวาง หลังจากนั้นปันออกลูกเรียบเรียงต่อให้ยุติเพื่อปรับปรุงนึกคิดความคิดสร้างสรรค์ ปั้นน้ำเป็นตัว ฝึกชดใช้ภาษามนุษย์ งานฟัง งานพูด 8. เล่นกับเงา กิจกรรมโจ้กับเงาชวนกลวิธีเงา เพราะดับไฟที่ที่อยู่ หลังจากนั้นฉายไฟฉายแสงไปยังหัตถ์ที่สร้างเป็นเงาตามตัวรูปแตกต่าง ๆ อาทิเช่น สุนัข ผีเสื้อ มอบเด็กพากย์หนังเสียงเล่าฝึกซ้อมฝัน ความคิดสร้างสรรค์ ภาษา ฝึกเชื่อมความเกี่ยวข้องของสิ่งต่าง ๆ จะเห็นบริหารเพิ่มพูนสมองสิ่งของลูกทั่ว 3 ด้านทำได้หมูเลยนะคะ พ่อมาตุรงค์ปรุงอาหารที่มีประโยชน์ และทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกับลูก เพียงเท่านี้ขมองสิ่งของลูกก็ได้รับการพัฒนาแล้วขา เชิงอรรถข่าวสารจาก http://wwwมันสมองil.mahidol.ac.th http://wwwมันสมองstudentมันสมองchula.ac.th https://wwwมันสมองbumrungradมันสมองcom เรียงความอื่น ๆ แห่งเกี่ยวข้อง 5 เมนูพอกพูนพลังสมองเพิ่มพูนความจำปันออกลูก ปั้น..ปั้น ปฏิรูปสมองขนมจากหญิบหัตถ์ ประกอบด้วยข้อกังขาเหตุงานท้อง ไม่ก็มีกระทู้ถามกรณีการเลี้ยงลูกหรือไม่คะ? สืบหาอ่านข้อเขียน ไม่ก็ถามชิ้นที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของอีฉันได้พ้น ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน รวมหมด IOS กับ Android คว้าแล้ววันนี้!